3 ข้อควรรู้! เลือกโครงผนังเบาสำเร็จรูปอย่างไรให้เหมาะสม

โครงผนังเบาสำเร็จรูปสำคัญอย่างไร

ในการจัดการกับพื้นที่ใช้สอยที่ไม่เพียงพอนั้น นอกจากจะต่อเติมเพิ่มห้องแล้ว อีกหนึ่งวิธีที่นิยมใช้ในกรณีที่ไม่มีพื้นที่ในการสร้างห้องใหม่ก็คือการกั้นห้องนั่นเอง ซึ่งวิธีนี้จะทำให้พื้นที่ใช้สอยถูกแบ่งสัดส่วนชัดเจนและใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น

         การกั้นห้องนิยมใช้วัสดุเบาอย่างแผ่นยิปซัมมาประกอบเป็นผนัง และการที่แผ่นผนังเบาดังกล่าวจะสามารถตั้งอยู่ได้อย่างมั่นคง ไม่สร้างความเสียหายและความไม่ปลอดภัยต่อตัวบ้านนั้นย่อมต้องอาศัยโครงสร้างที่แข็งแรง ดังนั้น การเลือกระบบโครงคร่าวโลหะฝาผนังจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยต้องเลือกรุ่นและขนาดให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่จะใช้งาน

3 สิ่งควรรู้ก่อนเลือกโครงผนังเบาสำเร็จรูป

ระบบโครงคร่าวโลหะสำหรับผนังนั้น ไม่ว่าจะเป็นโครงคร่าวรูปตัว C หรือตัว U ล้วนมีการผลิตออกมาหลากหลายขนาดและความหนา เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันไป สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงก่อนเลือกโครงผนังเบาสำเร็จรูปมาใช้งานนั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 ข้อ ดังนี้

1. ความหนาและความกว้างหน้าตัดของโครงคร่าว

เพราะความต้องการในการกั้นห้องนั้นมีไม่เหมือนกัน ดังนั้น การเลือกโครงผนังเบาสำเร็จรูปจึงต้องเลือกความหนาของเหล็กและความกว้างของหน้าตัดให้เหมาะสม เพื่อให้งานก่อสร้างนั้นออกมาเรียบเนียนและสวยงาม พร้อมด้วยความแข็งแรง 

         ระบบโครงผนังเบาสำเร็จรูปตราช้างมีให้เลือก 2 รุ่น 2 ขนาดความหนา ได้แก่ ระบบโครงคร่าวฝาผนังโปร-วอลล์ มีความหนาของโลหะ 0.52 มิลลิเมตรที่ได้มาตรฐานมอก.863-2532 และระบบโครงคร่าวฝาผนังพลัส-วอลล์ มีความหนา 0.38 มิลลิเมตร

การเลือกโครงคร่าวควรพิจารณาปัจจัย 3 อย่างประกอบกัน ดังนี้

  • ความหนาของวงกบประตูและหน้าต่าง
    หากการกั้นห้องนั้นต้องมีการเจาะประตูหรือหน้าต่างร่วมด้วย ควรพิจารณาความหนาของวงกบประตูและหน้าต่างเหล่านั้นก่อนและเลือกโครงผนังเบาสำเร็จรูปให้ใกล้เคียงกับความหนานั้น เพื่อที่ว่าหลังจากติดตั้งแผ่นยิปซัมแล้ว จะได้ผนังเบาที่มีความหนาเหมาะสมกับองค์ประกอบดังกล่าว
  • ความสูงของผนัง
    ความหนาและความกว้างหน้าตัดของโครงผนังเบาสำเร็จรูปควรสัมพันธ์กับความสูงของผนังเบาที่ต้องการประกอบ เพราะยิ่งผนังมีความสูงมากเท่าไหร่ หากใช้โครงสร้างที่แข็งแรงไม่มากพอ จะยิ่งมีความเสี่ยงต่อความไม่มั่นคงของตัวผนังได้
  • น้ำหนักของผนัง
    อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญเมื่อจะกั้นห้อง คือ น้ำหนักของวัสดุที่ใช้ทำผนังเบา ตลอดจนเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน (ถ้ามี) เพราะถ้าผนังยิ่งมีน้ำหนักมาก ยิ่งต้องใช้โครงผนังเบาสำเร็จรูปรุ่นที่แข็งแรงมากขึ้น มีความหนาและความกว้างของหน้าตัดที่เหมาะสมตามไปด้วย

 

2. วิธียึดโครงคร่าว

ในปัจจุบัน มีวิธีการยึดโครงคร่าวกับผนังเบาอยู่ด้วยกัน 3 วิธี แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป จึงควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละการใช้งานและความต้องการ ดังนี้

  • วิธีการยึดด้วยรีเวท
    ข้อดี เป็นวิธีที่ใช้กันทั่วไป มีราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับการยึดด้วยสกรู
    ข้อเสีย ความแข็งแรงต่ำกว่าการยึดด้วยวิธีอื่นๆ และต้องทำงานหลายขั้นตอน
  • วิธีการยึดด้วยคีมย้ำโครง
    ข้อดี ไม่ต้องใช้วัสดุเพิ่มเติม สามารถยึดโครงผนังเบาสำเร็จรูปได้รวดเร็วและประหยัดงบประมาณ
    ข้อเสีย ไม่เหมาะกับการใช้ยึดโครงกับผนังที่มีความหนามากๆ
  • วิธีการยึดด้วยสกรูยิงโครงคร่าว
    ข้อดี สามารถใช้ยึดโครงคร่าวและผนังได้อย่างรวดเร็วและมีความแข็งแรง
    ข้อเสีย มีราคาแพงกว่าแบบอื่นๆ เล็กน้อย

 

3. การป้องกันการกันสนิม

เนื่องจากโครงผนังเบาสำเร็จรูปนั้นทำจากโลหะ จึงมีโอกาสที่จะเกิดสนิมได้ ดังนั้น จึงควรเลือกระบบโครงคร่าวที่มีการเคลือบสังกะสีในปริมาณที่เหมาะสมกับขนาดของโครง เพื่อให้ทนทานต่อการเกิดสนิม ลดความเสี่ยงเรื่องการผุกร่อนในอนาคต

สำหรับระบบโครงคร่าวรุ่นโปร-วอลล์ ตราช้างนั้น มีการเคลือบสังกะสีหนากว่าโครงคร่าวรุ่นทั่วไปถึง 80%  คือ ไม่ต่ำกว่า 220 กรัมต่อตารางเมตร ตามมาตรฐาน มอก. 863-2532 ส่วนระบบโครงคร่าวรุ่นพลัส-วอลล์ ตราช้าง เป็นโครงคร่าวรุ่นประหยัดที่มีการเคลือบสังกะสีตามมาตรฐาน คือ ไม่ต่ำกว่า 120 กรัมต่อตารางเมตร แข็งแรงและทนทานต่อการเกิดสนิมเช่นกัน