CEO TALK: “อุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในยุค 4.0”

คุณจรุง กาญจนภูมิ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท สยามอุตสาหกรรมยิปซัม (สระบุรี) จำกัด ให้สัมภาษณ์ลงในคอลัมน์ CEO Talk หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ว่า ท่ามกลางสภาวะทางเศรษฐกิจที่ท้าทาย รวมถึงปัจจัยต่างๆที่รุมเร้า เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าธุรกิจก่อสร้างของไทยกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ได้รับแรงกดดันอย่างสูง ทุกภาคส่วนในธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้างตั้งแต่ระดับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก ผู้ผลิตสินค้าและวัสดุก่อสร้าง ช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าและวัสดุก่อสร้าง รวมถึงผู้รับเหมางานรายย่อย ต่างต้องใช้ความรอบคอบและระมัดระวังเป็นพิเศษในการดำเนินงาน

            ถ้ามองไปที่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยจริงๆ ผมมองว่าประเทศไทยของเรายังคงเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโต และยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนทั้งสำหรับนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติ แต่การจะลงทุนอย่างไรให้ประสบความสำเร็จนั้น เป็นสิ่งที่แต่ละธุรกิจต้องเอามาขบคิดและตีโจทย์ให้แตก

            ในมุมมองของผม อุปสงค์ในตลาดไม่ได้หายไปไหน แต่อยู่ที่ผู้ประกอบการมากกว่าว่าเข้าใจ และเข้าถึงอุปสงค์นั้นได้หรือไม่ และดีเพียงใด ยกตัวอย่างสำหรับธุรกิจก่อสร้าง ตอนนี้หลายคนมองว่าธุรกิจก่อสร้างอยู่ในช่วงชะลอตัว แต่สำหรับผมกลับมองว่าตลาดยังมีอยู่ แต่ความต้องการของเจ้าของอาคาร หรือเจ้าของสิ่งก่อสร้างต่างหากที่เราต้องเข้าให้ถึง ผมขอยกตัวอย่างที่ธุรกิจโรงแรมที่ตอนนี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยกำลังเริ่มไปได้สวย ด้วยตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นในทุกปี ถามว่าเจ้าของโรงแรมเองอยากจะขยายสาขา หรือปรับปรุงพื้นที่การให้บริการของโรงแรมให้สวยงามเพื่อดึงดูดและสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวหรือไม่ ผมตอบได้เลยว่าแน่นอน แต่เงื่อนไขสำคัญก็คือ จะทำอย่างไรให้การก่อสร้างหรือการปรับปรุงนั้นไม่กระทบกับการให้บริการในปัจจุบัน พูดง่ายๆก็คือสร้างไป รีโนเวทไป แต่ยังคงสามารถให้บริการได้ตามปกติรายได้ไม่หาย เงื่อนไขนี้จึงกลายมาเป็นหน้าที่ของผู้ที่อยู่ในธุรกิจก่อสร้างอย่างเรา ว่าจะทำอย่างไรให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการนี้ได้

            ซึ่งจากการศึกษาร่วมกับ บริษัท Jacobs บริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบระบบการก่อสร้าง และระบบการควบคุมงาน บิวดิ้ง ซายน์ (Building Science) คือนวัตกรรมการก่อสร้างในยุค 4.0 ที่จะมาตอบโจทย์เรื่อง ดังกล่าว

            บิวดิ้ง ซายน์ (Building Science) เป็นนวัตกรรมการก่อสร้างให้ผลประโยชน์สูงสุดด้านความรวดเร็ว การลดต้นทุนการก่อสร้าง และหากใช้ครบทั้งระบบทั้งอาคาร จะทำให้ได้อาคารประหยัดพลังงานอีกด้วย ที่สำคัญการก่อสร้างด้วยระบบนี้ จะไม่มีกองอิฐ หิน ทราย ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของฝุ่นและความสกปรกจากงานก่อสร้าง ทำให้เจ้าของกิจการสามารถดำเนินกิจการต่างๆ ในพื้นที่โดยรอบได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากงานก่อสร้าง หรืองานรีโนเวทที่กำลังดำเนินอยู่

            จากการศึกษาระบบการก่อสร้างนี้กับโรงแรมสูง 30 ชั้น ซึ่งประกอบไปด้วยระบบพื้น Flat Slab (ระบบพื้นไร้คาน) ระบบผนังภายในยิปซัม และระบบกรอบอาคารแบบ EIFS (Exterior Insulation Finishing System หรือ ระบบกรอบอาคารป้องกันความร้อน) ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยลดระยะเวลาในการก่อสร้าง 27% ในขณะที่ต้นทุนในการก่อสร้างลดลง 18% รวมถึงช่วยลดค่าพลังงานที่ใช้กับเครื่องปรับอากาศได้สูงสุดถึง 90%

            นวัตกรรมการก่อสร้างบิวดิ้งซายน์ (Building Science) จะช่วยให้เจ้าของกิจการสามารถสร้าง หรือปรับปรุงโรงแรมได้รวดเร็วทันกับธุรกิจท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตในประเทศไทย ด้วยการบริหารต้นทุนที่แข่งขันได้มากกว่า เวลาในการก่อสร้างที่น้อยกว่า และที่สำคัญคือการที่กิจการไม่ต้องหยุดชะงักเพราะการก่อสร้าง

            “หากสามารถนำนวัตกรรมมาช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว นั้นคือทางรอดของอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในยุค 4.0” คุณจรุงกล่าวปิดท้าย