1. ตรวจสอบโครงสร้างของบ้าน

เรื่องของโครงสร้างบ้านคือสิ่งสำคัญในการตัดสินใจจะรีโนเวทบ้านหรือไม่ ซึ่งการตรวจสอบในส่วนนี้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญให้เข้ามาช่วยตรวจสอบระบบโครงสร้างของบ้าน ความสามารถในการรับน้ำหนัก ไปจนถึงกรณีที่จำเป็นจะต้องมีการซ่อมแซมให้เรียบร้อยและแข็งแรงเสียก่อน เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ผนัง เสา คาน และส่วนอื่น ๆ สามารถรับน้ำหนักเมื่อทำการรีโนเวทได้เรียบร้อยแล้วนั่นเอง

2. เลือกสไตล์ที่ชอบ พร้อมฟังก์ชันที่ใช่

แน่นอนว่าการรีโนเวทบ้าน คือการเลือกสไตล์ที่ตัวเองชอบและต้องการจะตกแต่งบ้าน พร้อมการมองหาฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันที่ตรงกับความต้องการของเรา เรื่องของสไตล์ที่ชอบและเรฟเฟอเรนซ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนและสามารถกำหนดวัสดุ ไปจนถึงรูปแบบการติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องได้เข้ากับพื้นที่มากที่สุด ซึ่งการเลือกสไตล์ที่ชอบ อาจจะมองหาหลาย ๆ แบบ จากหลาย ๆ แห่ง เพื่อให้ได้รายละเอียดที่เหมาะสม และการติดตั้งที่สามารถเข้ากับพื้นที่ภายในบ้านได้

นอกจากนี้ เรื่องของฟังก์ชันการใช้งาน ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งการเลือกนั้น ควรเลือกให้ตอบโจทย์การใช้งานของพื้นที่ภายในห้องนั้น ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในพื้นที่ที่แคบ ก็ควรที่จะต้องมีการวางแผนรีโนเวทให้ดี เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน อีกทั้งยังควรวางแผนเรื่องการจัดวาง การเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้สามารถใช้งานได้ในระยะยาวเป็นหลัก เพื่อความคุ้มค่ามากที่สุด

3. ลิสต์พื้นที่ที่จะทำการรีโนเวทบ้าน

ใครว่าการรีโนเวทบ้านจำเป็นจะต้องทำทั้งหลัง หากเราต้องการจะรีโนเวทแค่บางห้อง ก็สามารถทำได้ แต่สิ่งสำคัญคือ การตัดสินใจรีโนเวทบ้าน ควรจะตรวจสอบบ้านให้ดีตั้งแต่ครั้งแรก ว่าพื้นที่ไหนที่เริ่มชำรุดก็ควรที่จะทำการซ่อมแซมให้ดีเสียก่อน หลังจากนั้นถึงค่อย ๆ เพิ่มลิสต์หรือรายละเอียดอื่น ๆ สำหรับการรีโนเวทในพื้นที่ที่ต้องการจะซ่อมแซม ปรับเปลี่ยน หรือต่อเติมบ้าน

4. กำหนดงบประมาณให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้งบบานปลาย

งบประมาณคือสิ่งที่สำคัญในการตัดสินใจรีโนเวท โดยการตั้งงบที่คุณสามารถจ่ายไหวจริง ๆ เพราะค่าใช้จ่ายนั้นจะมีทั้งค่าจ้างนักออกแบบ นักวิศวกรตรวจสอบระบบ ค่าดำเนินการขออนุญาตปรับปรุง ค่ารื้อถอน ค่าวัสดุและค่าแรง ค่าเฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงค่าเช่าบ้านชั่วคราว เป็นต้น นี่เป็นแค่เพียงค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ที่คุณจะต้องรู้ อีกทั้งยังจำเป็นที่จะต้องมีเงินสำรองอย่างน้อย 10% จากงบประมาณทั้งหมดอีกด้วย เนื่องจากการก่อสร้างอาจจะไม่ราบรื่น หรือต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเล็กน้อย คุณจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินที่จะต้องนำมาใช้จ่ายสำหรับการรีโนเวท

ที่สำคัญที่สุดคือต้องมีการทำแผนงานเอาไว้ให้ชัดเจน กำหนดความสำคัญ กำหนดระยะเวลาของแต่ละพื้นที่ในการรีโนเวท เพื่อให้สามารถจัดการกับการรีโนเวทบ้านได้อย่างราบรื่น และควบคุมงานให้ตรงตามที่กำหนดเวลาไว้นั่นเอง

5. กำหนดวัสดุ อุปกรณ์ และเฟอร์นิเจอร์ที่จะใช้

หลังจากที่กำหนดงบประมาณในการรีโนเวทบ้านเรียบร้อยแล้ว การวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายของวัสดุ และเฟอร์นิเจอร์ที่จะนำมาใช้งานนั้นก็ควรที่จะต้องเลือกให้เหมาะสม เปรียบเทียบคุณภาพกันหลาย ๆ เจ้า และเลือกจากหลาย ๆ ร้าน ซึ่งการวางแผนเลือกวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ ควรไปเลือกดูด้วยตัวเอง เพื่อให้รู้ว่าราคาเหมาะสมกับคุณภาพมากน้อยแค่ไหน

สิ่งสุดท้ายคือ อย่าลืมที่จะแจ้งเพื่อนบ้านและผู้ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงว่าจะมีการรีโนเวทบ้านในช่วงวันไหน เวลากี่โมงถึงกี่โมง เพื่อลดผลกระทบและความขัดแย้ง เพื่อที่เขาจะได้เตรียมตัว และคุณยังสามารถซื้อใจเพื่อนบ้านได้อีกด้วย